การทำ SEO กับ SEM เป็นช่องทางการทำ Online Marketing ที่มีความสำคัญ และมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมาก ๆ แต่การจะทำ SEO กับ SEM ได้ ธุรกิจนั้น ๆ ควรมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองซะก่อน โดยอาจจะทำเว็บไซต์เอง หรือจ้างทำเว็บไซต์ WordPress ก็ได้ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน และการปรับแต่ง SEO ในอนาคต
ในบทความนี้พวกเราชาวมิงจะสรุปให้ได้อ่านกัน ว่าการทำ SEO กับ SEM คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ระหว่าง SEO กับ SEM ควรเลือกทำการตลาดผ่านช่องทางไหนถึงจะดีกว่ากัน พร้อมแนะนำวิธีการนำ SEO กับ SEM ไปปรับใช้ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น !
SEO กับ SEM คืออะไร
SEO คืออะไร
SEO คือ การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรก Search Engine เช่น Google โดยการทำ SEO จะเป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ถูกใจผู้ใช้งาน และตรงกับ Algorithm ของ Google เพื่อให้ผลการค้นหาผ่านคีย์เวิร์ดอยู่ในตำแหน่งด้านบนสุด // คลิกดูบริการรับทำ SEO
คลิกอ่านเพิ่มเติม : Keyword คืออะไร คีย์เวิร์ดมีกี่ประเภท
ภาพแสดงผลการทำ SEO
SEM คืออะไร
SEM (Search Engine Marketing) คือ การลงโฆษณาผ่าน Search Engine หรือ Google Ads เพื่อให้คนเว็บไซต์ของเราเพิ่มขึ้น เมื่อมีคนกดคลิกจะเสียเงินค่าโฆษณาทันที
ภาพแสดงผลการทำ SEO
ความแตกต่างระหว่าง SEO กับ SEM มีอะไรบ้าง
SEO (Search Engine Optimization) | SEM (Search Engine Marketing) | ||
ข้อได้เปรียบ | ข้อเสียเปรียบ | ข้อได้เปรียบ | ข้อเสียเปรียบ |
ไม่เสียเงินคลิก เมื่อคนกดคลิก | ใช้เวลาในการปรับแต่งเว็บไซต์นาน กว่าจะเริ่มเห็นผลอย่างน้อย 6 เดือน | เว็บขึ้นหน้าแรก Google ได้ทันทีหลังจ่ายเงิน และผ่านการตรวจสอบ | เสียเงินเมื่อมีคนกดคลิก |
แสดงผลได้ตลอดเวลา ตราบใดที่เนื้อหายังมีคุณภาพ | ต้องมีความเชี่ยวชาญในการทำ SEO | ไม่ต้องใช้ทีมงานเยอะแบบการทำ SEO | หากอยากได้ Traffic มาก ต้องเพิ่มงบโฆษณา |
ช่วยเพิ่มยอดขายในระยะยาว | ควบคุม Algorithm ที่ Update อยู่ตลอดไม่ได้ | เลือกวัน เวลา สำหรับแสดงผลโฆษณาได้ | หากไม่เชี่ยวชาญในการลงโฆษณา อาจทำให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ |
ทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือ | ไม่สามารถหยุดทำได้ เพราะเว็บไซต์อาจจะไม่ติดหน้าแรก | กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ | โฆษณาเป็นระบบประมูล อาจทำให้เสียค่าคลิกแพงขึ้น |
เปิด-ปิด Ads ได้ตามต้องการ | หากงบโฆษณาต่ำ Ads อาจจะไม่แสดงผล |
ควรเลือกทำ SEO หรือ SEM แบบไหนดีกว่ากัน
จริง ๆ แล้วไม่มีการกำหนดแบบตายตัวว่าควรเลือกทำ SEO หรือ SEM แบบไหนดีกว่ากัน
คำแนะนำจากเรา Digital Marketing Agency ที่อยากให้ลองนำไปปรับใช้จะมีดังนี้
กรณีที่เป็นเว็บไซต์ใหม่ SEO ยังไม่ติดอันดับ : แนะนำว่าให้ยิง Ads เพื่อหาลูกค้าที่ตรงกลุ่มไปก่อนในระหว่างที่รอ SEO เพราะอย่างที่เรารู้ ๆ กัน ว่าการทำ SEO ต้องใช้เวลา ไม่ใช่ทำปุ๊บแล้วเว็บไซต์จะติดหน้าแรกเลย
กรณีที่เว็บไซต์ติดอันดับ SEO แล้ว : สามารถยิง Google Ads ควบคู่กันไปได้ ที่สำคัญยังทำให้ค่า Ads ถูกลง เพราะเนื้อหาในหน้าเว็บตรงกับความต้องการพอดี แถมการยิง Ads ควบคู่ไปกับการทำ SEO ยังทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มอีกด้วย
นำ SEO กับ SEM ไปปรับใช้ในธุรกิจอย่างไรดี
1.วิเคราะห์คีย์เวิร์ดจากการทำ SEM แล้วนำมาทำ SEO
ในการทำ SEM จะมีการเก็บข้อมูลอยู่แล้วว่าเว็บไซต์ยิง Ads ที่คีย์เวิร์ดอะไรบ้าง และมี Conversion เป็นอย่างไร หากเรานำคีย์เวิร์ดเหล่านี้มาทำ SEO ต่อ จะช่วยทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ในคีย์เวิร์ดเหล่านั้น เผลอ ๆ หากทำ SEO และติดอันดับ 1 อาจจะไม่ต้องเสียเงินค่ายิง Ads เลยด้วยซ้ำ
2.วิเคราะห์คีย์เวิร์ดจากการทำ SEO แล้วนำมาทำ SEM
วิธีการนี้จะเหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ทำ SEO และมีคีย์เวิร์ดติดหน้าแรก Google มาบ้างแล้ว ซึ่งการนำคีย์เวิร์ดที่ได้จากการทำ SEO มาใช้ในการทำ SEM จะช่วยให้มีจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Traffic) ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
คลิกอ่านเพิ่มเติม : Long Tail Keyword คืออะไร
3.ใช้การทำ SEO กับ SEM เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
ในการทำ SEO กับ SEM ควบคู่กันไป จะทำให้เว็บไซต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เพราะเว็บไซต์ของคุณจะติดอันดับหน้า SERP ทั้งแบบ Ads และ SEO
4.ทดสอบหน้า Landing Page ด้วย SEM ก่อนนำมาทำ SEO
สำหรับการทำ SEM สามารถทำ A/B Testing ได้ตามที่ต้องการ เพื่อวัดผลว่าหน้า Landing Page แบบไหนตอบโจทย์การใช้งาน User และได้ Conversion มากกว่ากัน ซึ่งจะทำให้เราเกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และนำหน้า Landing Page เหล่านั้นมาทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ต่อไป
คลิกอ่านเพิ่มเติม : การเขียน Landing Page แบบยาว ๆ ดีไหม ?
การทำ SEO กับ SEM มีข้อดีต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง
1.เพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Traffic) : การทำ SEO กับ SEM ควบคู่กัน จะทำให้ได้คนเข้าเว็บไซต์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น มากกว่าการทำการตลาดผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง
2.เพิ่มโอกาสในการสร้าง Conversion : เมื่อมีคนเข้าเว็บไซต์ผ่านการทำ SEO กับ SEM ควบคู่กัน จึงทำให้มีโอกาสที่กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้จะกดคลิกติดต่อ คลิกซื้อสินค้า หรือเกิดการมีส่วนร่วมตาม Conversion ที่เราได้วางเอาไว้
3.สร้างการรับรู้แบรนด์ได้ดี (Brand Awareness) : การทำ SEO กับ SEM ไปพร้อมกัน จะทำให้ผู้ใช้งานจำเว็บไซต์ของเราได้ เพราะไม่ว่าจะเลื่อนไปที่ Ads SERP หรือ Organic SERP ก็จะเจอเว็บไซต์ของเรา
4.เพิ่มโอกาสในการได้ Lead : การทำ SEO กับ SEM มีโอกาสที่คุณจะได้ Lead ลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และ Lead เหล่านั้นก็มีโอกาสที่จะกลายมาเป็นลูกค้าของคุณจริง ๆ
5.ค่าโฆษณา SEM มีราคาถูกลงเมื่อทำ SEO : เมื่อทำ SEO กับ SEM ไปพร้อมกัน ทาง Google จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณมีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดคำค้นหา จึงทำให้ค่าโฆษณาต่อคลิกมีแนวโน้มถูกลง
ควรเริ่มทำ SEO กับ SEM ตอนไหนดีที่สุด
คุณควรเริ่ม Focus การทำ SEO เมื่อ …
1.คุณใจเย็นและสามารถรอเว็บติดหน้าแรก Google ได้ : เพราะการทำ SEO ต้องใช้เวลา หากเป็นเว็บไซต์ใหม่ ๆ ก็อย่างน้อย 6-8 เดือนกว่าจะเริ่มเห็นผลที่ชัดเจน
2.มีงบประมาณในการทำแบบจำกัด : เพราะการทำ SEO สามารถหาวิธีทำในแบบที่เหมาะกับงบประมาณได้ เรียกได้ว่าใช้งบน้อยกว่าลง Google Ads สิ่งที่คุณต้องใช้เยอะจริง ๆ คือ เรี่ยวแรงในการทำ
คุณควรเริ่ม Focus การทำ Google Ads เมื่อ …
1.ต้องการให้เว็บขึ้นหน้าแรกทันที : แบบนี้.. การทำ SEO จะไม่ตอบโจทย์อย่างแน่นอน แต่การทำ Google Ads เว็บไซต์คุณสามารถขึ้นหน้าแรก Google ได้เลยหลังจากที่ Ads ผ่านการอนุมัติ
2.คุณใช้งาน Google Ads Tools ได้เป็นอย่างดี : เพราะในการทำ Google Ads จำเป็นจะต้องสร้างแคมเปญต่าง ๆ มากมาย การศึกษาการใช้งาน Google Ads และใช้งานได้อย่างเชี่ยวชาญจึงมีความสำคัญ
3.เมื่อมีงบประมาณในการยิง Ads : เพราะการทำ SEM จะต้องใช้งบลงโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นเว็บไซต์คุณก็จะไม่แสดงผลการค้นหา
4.เมื่อสามารถทำ A/B Testing ได้ : ในการทำ SEM จำเป็นจะต้องคอยทดสอบ Landing Page อยู่ตลอด ว่าหน้าเว็บแบบไหนเหมาะกับการใช้งาน และสามารถสร้าง Conversion ได้สูง
ส่วนตัวแล้วพวกเราชาวมิงมองว่า การทำ SEO กับ SEM เป็นช่องทาง Online Marketing ผ่าน Search Engine ที่ควรทำควบคู่กันไป เพราะมีโอกาสที่จะสร้างยอดขายผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้มากขึ้น แต่ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าควรเลือกทำ SEO กับ SEM ตอนไหนดี ก็สามารถนำคำแนะนำที่บริษัทรับทำ SEO เราได้บอกไว้ในหัวข้อก่อนไปปรับใช้ได้ Mingketar หวังว่าบทความเรื่อง SEO กับ SEM คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกคนน้าาา