MINGKETAR SERVICE
สร้างเว็บไซต์ให้ถูกใจลูกค้า และ Google ไม่ว่าจะธุรกิจไหน ๆ ก็ติดหน้า 1 ของ Google ได้ เซฟงบโฆษณาได้หลายเท่าตัว ธุรกิจเติบโตระยะยาวแบบมั่นคง
พอเรา ติดตั้ง WordPress และล็อกอินเข้าสู่ระบบหลังบ้าน (Dashboard) เป็นครั้งแรก หลายคนน่าจะเคยรู้สึกเหมือนกันใช่ไหมครับ คือเห็นเมนูทางซ้ายมือแล้วก็เกิดอาการงงๆ โดยเฉพาะกับ 4 คำสำคัญอย่าง Post, Page, Category, และ Tag ว่ามันคืออะไรกันแน่ แล้วจะเลือกใช้อันไหนตอนไหนดี คำถามสำหรับมือใหม่ที่ใคร ๆ ก็ถามเลยก็คือ Post กับ Page ต่างกันอย่างไร
การทำความเข้าใจ ความแตกต่างระหว่าง Page กับ Post รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ นั้น ถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากๆ เลยนะครับ เพราะมันคือหัวใจของการวางโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นระเบียบ ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่าย และยังส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อการทำ SEO อีกด้วย เวิร์ดเพรส คือ เครื่องมือที่ทรงพลังและยืดหยุ่น แต่จะใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้นั้น เราจำเป็นต้องรู้จักเครื่องมือแต่ละชิ้นในมือให้ดีเสียก่อน
ดังนั้นในบทความนี้ Mingketar เราจะมา สอนใช้ WordPress ฉบับละเอียด ที่จะมาไขทุกข้อข้องใจให้คุณสามารถ ตั้งค่า WordPress และจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้อย่างมืออาชีพครับ
เพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจหน้าที่ของแต่ละส่วนอย่างลึกซึ้ง เรามาเจาะลึกกันทีละตัวเลยครับ
post wordpress คือ บทความ หรือเนื้อหาที่มีการอัปเดตอยู่เสมอ มีความเป็นปัจจุบัน และโดยปกติจะแสดงผลโดยเรียงตามลำดับวันที่ล่าสุดขึ้นก่อน
เนื้อหาประเภทนี้คือหัวใจหลักของเว็บที่ต้องการสื่อสารกับผู้อ่านอย่างสม่ำเสมอ เช่น ข่าวสาร, บทความให้ความรู้, รีวิวสินค้า, บล็อกส่วนตัว, หรือประกาศจากบริษัท จุดเด่นของ WordPress post คือการที่เราสามารถจัดระเบียบมันได้ด้วย Category และ Tag เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาและติดตามเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกันได้ง่าย
ต่อมาในส่วนของ page wordpress อธิบายง่าย ๆ มันก็คือ หน้าเว็บสำหรับเนื้อหาที่มีความคงที่ เป็นข้อมูลถาวรที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง และไม่ขึ้นอยู่กับลำดับเวลา
Page มักจะถูกใช้สำหรับข้อมูลสำคัญที่เป็นแกนหลักของเว็บไซต์ เช่น หน้า “เกี่ยวกับเรา” (About Us), “ติดต่อเรา” (Contact), “บริการของเรา” (Services), หรือ “นโยบายความเป็นส่วนตัว” (Privacy Policy) โดย Page สามารถจัดโครงสร้างแบบลำดับชั้น (Hierarchy) ได้ คือมีหน้าหลักและหน้าย่อย (Parent/Child Page) เช่น หน้า “บริการ” เป็นหน้าหลัก และมีหน้าย่อยเป็น “บริการออกแบบเว็บไซต์” และ “บริการทำ SEO” เป็นต้น
Category หรือ “หมวดหมู่หลัก” ใช้สำหรับจัดกลุ่ม Post ที่มีหัวข้อหรือธีมในภาพกว้างเดียวกันเข้าไว้ด้วยกัน เปรียบเสมือนสารบัญของหนังสือหรือแฟ้มเอกสารในตู้ ที่ช่วยให้ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
การใช้งานหมวดหมู่ใน WordPress ที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจภาพรวมของเว็บไซต์และค้นหาเนื้อหาในกลุ่มที่พวกเขาสนใจได้ทันที โดย Category สามารถสร้างเป็นลำดับชั้น (Sub-category) เพื่อเจาะจงหัวข้อย่อยลงไปได้อีกด้วย เช่น บทความหมวดหมู่ สอนทำเว็บไซต์, สอนทำ SEO เว็บไซต์ อาจจะมี Sub-category เป็น เทคนิคทำ SEO ด้วย Backlink, แนะนำวิธีเขียนบทความเพื่อทำ SEO
Tag หมายถึง “ป้ายคำ” หรือ “คีย์เวิร์ด” ที่ใช้อธิบายรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นของเนื้อหาใน Post แต่ละชิ้น ถ้า Category คือสารบัญ Tag ใน WordPress คือ ดัชนีท้ายเล่มที่ช่วยให้เราเชื่อมโยงบทความที่มีรายละเอียดปลีกย่อยคล้ายกันเข้าไว้ด้วยกัน แม้ว่าจะอยู่คนละ Category ก็ตาม
เช่น บทความรีวิว iPhone ในหมวด “มือถือ” อาจมี Tag เป็น “Apple”, “สมาร์ทโฟน”, “กล้องเทพ”, “iOS” เป็นต้น แท็กใน WordPress คือ อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ดีในการช่วยให้ผู้ใช้ค้นพบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของพวกเขาในเชิงลึกลงไปมากกว่า Category แบบกว้าง ๆ
หลังจากเราเข้าใจความหมาย ความต่าง และวิธีการใช้งานของ 4 อย่างแล้ว ต่อไปเราก็มาดูวิธีการสร้างสิ่งเหล่านี้ใน WordPress กันเลยครับ บอกเลยว่าง่ายกว่าที่คิดมาก ๆ
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนและหมดข้อสงสัยว่า Post กับ Page ต่างกันอย่างไร เรามาดูการเปรียบเทียบแบบเจาะลึกกันอีกครั้ง
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือ “กาลเวลา” Post ถูกออกแบบมาเพื่อเนื้อหาที่หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ เหมือนกระแสข่าวหรือไดอารี่ ในขณะที่ Page ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเสาหลักของเว็บไซต์ คล้าย ๆ Homepage คือเป็นข้อมูลที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงสำคัญและมีความถูกต้องเหมือนเดิม
ดังนั้น เมื่อคุณกำลังจะสร้างเนื้อหาใหม่ ให้ถามตัวเองก่อนว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ หรือเป็นข้อมูลที่จะคงอยู่ตลอดไป?” คำตอบของคำถามนี้จะช่วยให้คุณเลือกระหว่าง Post กับ Page ได้ง่ายขึ้นครับ
หากยังงง ๆ ลองมาดูตารางเพิ่มเติมกันครับ
คุณสมบัติ | Post (โพสต์) | Page (เพจ) |
ความไวต่อเวลา | สำคัญ (Time-sensitive) มีวันที่เผยแพร่ และเรียงตามลำดับเวลา | ไม่สำคัญ (Timeless) เป็นเนื้อหาคงที่ ไม่แสดงวันที่เป็นส่วนประกอบหลัก |
การจัดระเบียบ | ใช้ Categories (หมวดหมู่) และ Tags (ป้ายคำ) | จัดเรียงตามลำดับชั้น (Parent/Child Pages) |
การแสดงผล | แสดงในหน้าบล็อก, หน้าแรก (ถ้าตั้งค่าไว้), หรือหน้า Archive ของหมวดหมู่/แท็ก | มักจะถูกเรียกใช้งานผ่านเมนูนำทางหลักของเว็บไซต์ (Navigation Menu) |
การโต้ตอบ | เปิดให้ผู้ใช้แสดงความคิดเห็น (Comments) ได้ซึ่งสามารถปิดได้ | โดยปกติจะปิดการแสดงความคิดเห็นไว้ แต่ก็เปิดได้เช่นกัน |
ตัวอย่างการใช้งาน | บทความให้ความรู้, ข่าวบริษัท, รีวิวสินค้า, บล็อกท่องเที่ยว | เกี่ยวกับเรา, ติดต่อเรา, ทีมงาน, บริการของเรา, นโยบายความเป็นส่วนตัว |
แท็กใน WordPress คือ คำหรือคีย์เวิร์ดที่ใช้ระบุรายละเอียดปลีกย่อยของเนื้อหาใน Post แต่ละชิ้นครับ มันทำหน้าที่เชื่อมโยงบทความที่มีประเด็นเฉพาะทางคล้ายๆ กันเข้าไว้ด้วยกัน ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสำรวจเนื้อหาที่เกี่ยวข้องในเชิงลึกได้สะดวกยิ่งขึ้น
หมวดหมู่กับแท็กต่างกันยังไง ให้เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า Category คือ “สารบัญ” ของหนังสือ ใช้จัดระเบียบเนื้อหาเป็นบทๆ หรือเป็นหมวดหมู่ใหญ่ๆ ที่ชัดเจนและเป็นโครงสร้างหลัก ในขณะที่ Tag คือ “ดัชนี” (Index) ท้ายเล่ม ที่รวมคำสำคัญจากทุกบทมาไว้ด้วยกันเพื่อให้ค้นหาง่ายขึ้น ดังนั้น Category จึงมีความเป็นลำดับชั้นและกว้างกว่า ส่วน Tag จะมีความเฉพาะเจาะจงและกระจัดกระจายมากกว่า
วิธีใช้ category ใน wordpress ที่ดีที่สุดคือ 1. วางแผนโครงสร้างหมวดหมู่ให้ดีตั้งแต่แรก อย่าสร้างเยอะเกินไป 2. ตั้งชื่อให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย 3. พยายามกำหนดให้ 1 โพสต์อยู่แค่ 1 Category หลักเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน 4. ใช้ Sub-category เมื่อต้องการแบ่งหัวข้อย่อยที่สมเหตุสมผลจริงๆ
คุณสามารถนำทั้ง Page และ Category ไปสร้างเป็นเมนูหลักของเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย โดยไปที่เมนู Appearance > Menus จากนั้นคุณจะเห็นกล่องทางซ้ายมือที่มีรายการ Pages, Posts, และ Categories ให้คุณติ๊กเลือกรายการที่ต้องการแล้วกด “Add to Menu” รายการเหล่านั้นก็จะไปปรากฏในโครงสร้างเมนูทางขวา ซึ่งคุณสามารถลากเพื่อจัดลำดับหรือสร้างเมนูย่อยได้ตามต้องการ
หลักการง่ายๆ คือใช้ Page เพื่อสร้างหน้าหลักที่สำคัญและเป็นโครงสร้างของเว็บไซต์ -> ใช้ Post เพื่อเผยแพร่บทความ, ข่าวสาร, หรือเนื้อหาใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ -> ใช้ Category เพื่อจัดกลุ่ม Post เหล่านั้นให้เป็นหมวดหมู่ใหญ่ๆ ที่เข้าใจง่าย -> และใช้ Tag เพื่อลงรายละเอียดเฉพาะของแต่ละ Post เพื่อช่วยในการค้นหา
การทำความเข้าใจหน้าที่และ ความแตกต่างระหว่าง Page กับ Post รวมถึงการใช้ Category และ Tag ได้อย่างถูกต้อง คือทักษะพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน WordPress ทุกคน การวางโครงสร้างเนื้อหาที่ชัดเจนและเป็นระบบตั้งแต่แรก ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณได้รับประสบการณ์ที่ดี แต่ยังเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งสำหรับการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว
แน่นอนว่าการวางโครงสร้างเป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากคุณต้องการมืออาชีพที่จะช่วยต่อยอดเว็บไซต์ของคุณให้ไปไกลกว่าแค่การมีอยู่และดูสวยงาม Mingketar เอเจนซี่รับทำ SEO เป็นหนึ่งใน Digital Marketing Companies ชั้นนำของไทย เราพร้อมให้บริการ รับทํา Website WordPress ที่ไม่เพียงแค่มีดีไซน์ที่โดดเด่น แต่ยังถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ SEO ที่แข็งแกร่ง พร้อมด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตบนโลกออนไลน์ได้อย่างยั่งยืน
แล้วเติบโตในโลก SEO ไปด้วยกันนะครับ
MINGKETAR SERVICE
สร้างเว็บไซต์ให้ถูกใจลูกค้า และ Google ไม่ว่าจะธุรกิจไหน ๆ ก็ติดหน้า 1 ของ Google ได้ เซฟงบโฆษณาได้หลายเท่าตัว ธุรกิจเติบโตระยะยาวแบบมั่นคง