Engagement เป็นคำที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆ ถือเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ต้องให้ความสำคัญ หากแปลตรงตัว คงหมายถึง ข้อตกลง การหมั้นหมาย หรือข้อผูกมัด ข้อผูกพัน แต่คำคำนี้ หากใช้ทางการตลาดออนไลน์ มีความหมายที่แตกต่างกันออกไป แอบกระซิบออกก่อนว่า ยิ่งแบรนด์มียอด Engagement สูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลดีต่อแบรนด์มากเท่านั้น และวันนี้ เราขออาสาพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Engagement คืออะไร มีกี่ประเภท พร้อมแชร์เคล็ดลับการเพิ่ม Engagement ให้คอนเทนต์ของคุณ ถ้าอยากรู้แล้ว ตามไปหาคำตอบกันเลย
Engagement คืออะไร หมายถึงอะไร แปลว่าอะไร
Engagement คือ การมีส่วนร่วมเป็นความหมายทางการตลาดออนไลน์ เป็นยอดตัวเลขของผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มนั้นๆ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มโซเชียลมิเดียที่สามารถกระตุ้นให้เกิดเอ็นเกจเมนต์ได้ค่อนข้างมาก ยกตัวอย่างการมีส่วนร่วม เช่น การกดถูกใจ (Like) กดคอมเม้นต์ (Comment) การกดแชร์ (Share) ทั้งหมดนี้คือ Engagement ในเชิงบวก สำหรับในเชิงลบ เช่น การแจ้งสแปม การกดซ่อนโพส เป็นต้น
ยอด Engagement เรียกได้ว่าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของการทำการตลาดออนไลน์ เมื่อเราสร้างคอนเทนต์ต่างต้องการให้มียอด Engagement ในเชิงบวกสูงๆ เพื่อนั่นหมายถึงโอกาสที่แบรนด์ของเราจะกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น สร้างการจดจำแบรนด์ที่ดี รวมถึงช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้าหรือบริการได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นตัวเลข Engagement หรือการมีส่วนร่วมในเชิงลบ ทางแบรนด์ยังสามารถนำไปปรับปรุงหรือพัฒนาสินค้า บริการ ตลอดจนการสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้โดนใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ในแต่ละแพลตฟอร์มจะมีการวิธีในการวัด Engagement แตกต่างกันออกไป

ประเภทของ Engagement บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ
1. Engagement จากเว็บไซต์
ยอดเอนเกจจากเว็บไซต์ก็มีความสำคัญไม่น้อย หลายแบรนด์ให้ความสำคัญเฉพาะการสร้าง Engagement บนช่องทางโซเชียลมีเดียแต่อย่าลืมว่าเว็บไซต์ก็สามารถกระตุ้นการมีส่วนร่วมได้เช่นเดียวกัน Engagement บนเว็บไซต์ หรือ Web Traffic คือ รวมจำนวนสถิติการเข้าชมเว็บ ยิ่งมีสูงยิ่งดี สะท้อนถึงความสนใจของผู้เข้าชมที่มีต่อเนื้อหาและเว็บไซต์ โดยแบ่งออกเป็น
- Pageviews : ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ วัดผลได้ด้วยเครื่องมือ เช่น Google Analysis ใช้กลยุทธ์ SEO สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและการโปรโมทเว็บไซต์
- Time on Site : ระยะเวลาที่ผู้เข้าชมอยู่ในเว็บไซต์ แสดงความสนใจและการมีส่วนร่วม โดยใช้กลยุทธ์ในการเพิ่ม คือ การปรับปรุง UX/UI เนื้อหาน่าสนใจ ใช้ภาพหรือวิดีโอเป็นสื่อประกอบ
- Bounce Rate : อัตราส่วนของผู้เข้าชมที่ออกจากเว็บไซต์ หลังจากเข้าชมเพียงหน้าเดียว สื่อถึงความไม่พอใจในเนื้อหา หรือไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา กลยุทธ์ที่ใช้ได้แก่ สร้างเนื้อหาที่ตรงใจ มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน ปรับปรุงการออกแบบเว็บไซต์
- Conversion : การกระทำที่ต้องการ เช่น การดาวน์โหลด การสมัครสมาชิก หรือการซื้อสินค้า เป็นต้น กลยุทธ์ที่ใช่ ได้แก่ การสร้าง Landing Page การปรับปรุงปุ่ม Call to Action หรือการนำเสนอโปรโมชั่น
- Scroll Depth : ระยะทางในการเลื่อนลงของหน้าเว็บไซต์ บ่งบอกถึงความสนใจของผู้เข้าชม การอ่านและเข้าใจเนื้อหา กลยุทธ์ที่ใช้ ได้แก่ การวางโครงสร้างหรือเนื้อหาที่เข้าใจง่าย สบายตา อ่านง่าย ใช้ภาพและวิดีโอประกอบ การใช้ Heading และ Subheading
2. Engagement จากโซเชียลมีเดีย
Engagement จากโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Engagement IG, Engagement Facebook หรือ Engagement TilTok วิธีการที่ผู้ใช้งานกระทำต่อสื่อ ได้แก่ การกดแสดงความรู้สึก การคอมเม้นต์หรือแสดงความคิดเห็น การกดแชร์ และการคลิกลิงค์ เพื่อไม่ให้สับสนเราจะยกตัวอย่าง Engagement Facebook มีดังต่อไปนี้
- Reaction : การกดแสดงความรู้สึก ได้แก่ ถูกใจ รัก ห่วงใย หัวเราะ เศร้า และโกรธ
- Comment : การแสดงความคิดเห็นต่อคอนเทนต์ มีทั้งความคิดเห็นเชิงลบและเชิงบวก
- Share : การกดแชร์ไปยังหน้าฟีดของตัวเองหรือแชร์ไปยังกลุ่มต่างๆ
- Click-Thoughts : การคลิกลิงค์ในคอนเทนต์เพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์หรือลิงค์ปลายทาง

3. Engagement ผ่านอีเมล
สำหรับ เอนเกจเม้นผ่านอีเมลนั้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้รับอีเมล เกิดความสนใจในเนื้อหาเหล่านั้นอย่างไร มากน้อยแค่ไหน สามารถวัดได้จาก Engagement ดังต่อไปนี้
- Open Rate : อัตราการเปิดอ่านอีเมลของผู้รับ บ่งบอกความสนใจ
- Click-Thoughts Rate : อัตราการคลิกลิงค์ในอีเมล บ่งบอกถึงความสนใจ
- Conversion Rate : อัตราการแปลงหลังจากคลิกลิงค์ เช่น การซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก
4. Engagement ออฟไลน์
เอนเกจเม้นออฟไลน์ จำเป็นไหม การสร้าง Engagement คือ สิ่งสำคัญไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีหน้าร้าน หรือมีการจัดกิจกรรม โดยสามารถแบ่งได้ดังต่อไปนี้
- Event Attendance : จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม บ่งบอกถึงความสนใจ
- Customer Feedback/Surveys : ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้า
- In-Store Interactions : การมีปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าในร้าน

อ่านเพิ่มเติม : มิงเกตต้า [mingketar] รีวิว 20 บริษัท SEO Agency ระดับต้นๆ ของประเทศเรา
เคล็ดลับเพิ่มยอด Engagement ให้คอนเทนต์ของคุณ
1.วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าเป้าหมาย
ก่อนทำคอนเทนต์ ควรวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร สนใจอะไร หรือชื่นชอบแพลตฟอร์มไหน อาจใช้เครื่องมือทางการตลาดเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้กำหนดทิศทางการตลาดและทิศทางของแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
2.กำหนดภาพลักษณ์ของแบรนด์
ต่อมาคือการกำหนดภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยกำหนดสไตล์การเล่าเรื่องเพื่อสร้าง Brand Voice หากสามารถสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้ตรงกับความสนใจของลูกค้าได้ แน่นอนว่าจะได้รับการตอบกลับจากกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี เพราะลูกค้ามองว่าแบรนด์ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Community เป็นคนที่รู้จัก
3.กำหนดรูปแบบของคอนเทนต์
เมื่อรู้จักตัวตนของลูกค้าและมี Brand Voice แล้วต่อมาคือการกำหนดรูปแบบคอนเทนต์ โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น ขายสินค้าเพื่อสุขภาพ ให้ลูกค้าอาย 20-30 ปี กลุ่มคนที่รักสุขภาพ อาจทำคอนเทนต์ที่มีสไตล์การเล่าเรื่องแบบกูรูสุขภาพ เพื่อกระตุ้นให้เกิด Engagement กระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ดี
4.มีตารางการเผยแพร่
สร้างคอนเทนต์และเผยแพร่อย่างสม่ำเสมอ กำหนดตารางการเผยแพร่คอนเทนต์ เช่น 1 สัปดาห์ 1 เดือน ช่วยให้สามารถวางแผนการทำงานได้ง่ายขึ้น หัวใจสำคัญคือ ความสม่ำเสมอ รวมถึงการลงคอนเทนต์ที่มีความหลากหลาย เพื่อไม่ให้ซ้ำซาก จำเจ
5.วัดผลและปรับปรุง
อย่าลืมวัดผล โดยแบรนด์ต้องเก็บข้อมูล Engagement วิเคราะห์สาเหตุต่างๆ เพื่อใช้ในการปรับปรุงแก้ไขคอนเทนต์ ทำให้แบรนด์ได้รับการตอบกลับที่ดีมากขึ้นในอนาคตและสามารถสร้างความผูกพันได้อย่างต่อเนื่อง


วางแผนการตลาดให้ยอดเอนเกจพุ่ง ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Mingketar
วางแผนการตลาดไม่เก่ง ไม่รู้จะกระตุ้นให้เกิด Engagement เชิงบวกอย่างไร ให้เราช่วย Mingketar ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดออนไลน์ 1 ใน 20 บริษัท SEO Agency ที่ดีที่สุด รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO ครบวงจร เอนเกจพุ่งทะยานด้วยคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ กระตุ้นยอดขายได้จริง วัดผลได้จริง การันตีด้วยทีมงาน ที่มากความสามารถ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
Marketing นึกถึง Mingketar บริษัทรับทำเว็บไซต์และการตลาดออนไลน์ครบวงจร เราช่วยกระตุ้นให้เกิด Mingketar เชิงบวกต่อแบรนด์ของคุณ บริการรับทำเว็บไซต์ และรับทำ SEO ราคาถูก กำหนดงบประมาณได้ ไม่บานรับทํา WordPress ราคาถูก ที่สุดแน่นอน
อ่านบทความที่น่าสนใจ
MINGKETAR SERVICE
สร้างเว็บไซต์ให้ถูกใจลูกค้า และ Google ไม่ว่าจะธุรกิจไหน ๆ ก็ติดหน้า 1 ของ Google ได้ เซฟงบโฆษณาได้หลายเท่าตัว ธุรกิจเติบโตระยะยาวแบบมั่นคง